ซีรี่ย์ไทย ซีรีย์เอเชีย ครบทุกรส ทุกแนว จัดเต็ม จัดหนักทุกซีนอารมณ์

ซีรี่ย์ไทย

ซีรี่ย์ไทย  ผู้บ่าวไทบ้าน 4 อีสานจ้วด  เริ่มจากเคนหนุ่มคนผิดหวังการชีวิตงานการในเมืองใหญ่ตกลงใจกลับไปอยู่บ้านเคนได้เจอเฟิร์นหญิงสาวผู้ขมักเขม้นงานการรวมทั้งรักครอบครัวแม้กระนั้นมีคู่รักแล้วเรื่องมันเริ่มตรงที่แมนแฟนที่เฟิร์นรักกลับนอกใจเพื่อทำให้แมนเลิก กับคุณเด็ดขาดคุณก็เลยขอให้เคนเพื่อนพ้องใหม่แกล้งเป็นคนรักใหม่ของคุณเพื่อจะให้แมนตัดใจจากคุณ.. แต่ว่าเรื่องกลับไม่เป็นตามที่คิดแผนไว้เคนกลับหลงใหลเฟิร์นจริงๆและก็เฟิร์นดูเหมือนจะมีใจให้เคน

แม้กระนั้นด้วยชะตาชีวิตเปลี่ยนความรักของสองคนนี้ก็เลยไม่ง่ายเคนผู้ไร้โชคในชะตารักและก็เพิ่งจะศึกษาค้นพบว่าแม่ของเขาเริ่มจะมีความจำที่ลบเลือนหายไปอัล-ไซเมอร์ เคนจำต้องทำให้ความจำของแม่กลับมาด้วยความจำท้ายที่สุดที่แม่มี..การเปิดร้านลาบ ร้านค้าที่บิดาแล้วก็แม่พบกันเป็นคราวสุดท้ายส่วนเฟิร์นสาวน้อยผู้เอาจริงเอาจังแม้ว่าจะโชคร้ายในความรักแต่ว่าคุณก็

โชคดีในเกมส์คุณสอบแข่งขันไปปฏิบัติงานที่ประเทศญี่ปุ่นผ่านเนื่องด้วยคุณจำต้องพบเจอปัญหาครอบครัวที่ทำให้คุณจำเป็นต้องไปดำเนินงานเพื่ออนาคตที่ประเทศญี่ปุ่นโดยที่เคนไม่มีโอกาสไปส่งคุณความรักป้อมปราการคงจะบางทีอาจจะต้องใช้ระยะเวลาเป็นสิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์เคน ผู้บ่าวไทบ้านผู้คืนถิ่น ในเวลาที่แฟนกำลังย้ายถิ่นที่อยู่ออกไปเรื่องรักก็เลยจะต้องลุ้นช่วยผู้บ่าวไทบ้านว่าจะสามารถหว่านล้อมให้เฟิร์นไม่ทิ้งบ้านไปได้หรือเปล่า

ซีรี่ย์ไทย ซีรีส์ยอดฮิตตลอดกาล

อาจจำต้องบอกเลยว่า…วัยรุ่นแบบใหม่ในสมัยอาจจะไม่น่าจะมีผู้ใดกันทันต้นกำเนิดของหนังหัวข้อนี้กันแน่นอนนี่น่าจะเป็นหนังที่จะนำพาคนสมัยผู้ที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สอง หรือคนตอนต้นๆเจเนอเรชั่นเอ็กซ์ ได้ย้อนกลับไปนึกถึงรวมทั้งถลิวหาย้อนวันวานในสมัยก่อนที่เคยหวานชื่น เนื่องจากสมัยก่อนคู่ควงวัยรุ่นในตำนานภาพยนตร์ไทย ‘ตั้ม’ กับ ‘โอ๋’ ได้กลับมาอีกทีใน “วัยสับสน 5 ตั้ม-โอ๋ ตัวตึง” ที่ยังคงสืบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา แม้ว่าจะผ่านพ้นผ่านไปแล้วถึง 40 ปี

วัยวุ่นฮ่า! ชื่อที่เป็นคำที่ออกเสียงเหมือนกันที่คงจะรู้กันแล้วว่า นี่เป็นหนังภาคที่ 5 ของหนังชุด “วัยวุ่น” ที่มีจุดเริ่มแรกตั้งแต่ปี 2519, 2520 และก็ 2521 เป็นลำดับ จากหนังภาคต่อที่ไล่เรียงมาตั้งแต่ “วัยวุ่น”, “รักชุลมุนวุ่นวาย” และก็ “ชื่นวุ่นวาย” และก็ยังมีอีกภาคที่ล้ำสมัยขึ้นมาหน่อยใน “วัยสับสน 4 : ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น” ที่เคยออกฉายในปี 2548 ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเรื่องราวใน วัยวุ่นฮ่า! ยังคงจุดโฟกัสอยู่ที่ชีวิตของ ตั้ม กับ โอ๋ ที่ยังครองรักแล้วก็เป็นคู่รักมายาวนาน พวกเขาอายุปิ้งไปสู่วัยเกษียณอายุแล้ว แม้กระนั้นยังจำเป็นต้องเจอหน้ากับปัญหาใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิตเสมอ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาความรักอลเวงของ โต๋ หลานชายที่เพิ่งจะกลับมาจากอเมริกา จำเป็นต้องดำเนินรอยตามราวกับเขาตอนวัยรุ่นเป๊ะๆกับการผ่านด่านสุดหินปราบบิดาแฟนสาว คุณอั้ม รักแบบใหม่รวมทั้งครั้งใหม่จะเสร็จไหมนะอย่างที่เกริ่นเอาไว้ตั้งแต่ทีแรกว่า คุณลุงๆป้าๆรวมทั้งคนรุ่นบิดารุ่นแม่ที่เติบโตมาในตอนสมัยเริ่มของหนังหัวข้อนี้คงจะอินเป็นพิเศษ ด้วยเหตุว่าเหล่าดาราชุดเริ่มแรกต่างโผล่กลับมาสร้างสีสันในหนังประเด็นนี้เป็นช่วงๆช่วยคลายการนึกถึงบรรยากาศเก่าๆเมื่อวันวานได้อยู่ไม่น้อย โดยในคราวนี้ “เอ๋ รุ่งเรือง”

ยังมารับหน้าที่เป็นผู้กำกับหนังด้วยตัวเองด้วย ทำให้บรรยากาศรวมทั้งโทนต่างๆของ ซีรี่ย์ไทย หนังโดนจับใส่เข้าทางได้อย่างดีเยี่ยมนี่เป็นการรวมกลุ่มของศิลปินต่างรุ่น อีกทั้งรุ่นก่อนแล้วก็แบบใหม่ประสมประสานกันเอาไว้อย่างน่าดึงดูด นอกเหนือจาก เอ๋ รุ่งโรจน์ จะกลับมารับบทบาทเป็น ตั้ม อีกรอบ “จิ๋ม ลลนา” ที่ปลดเกษียณจากหน้าที่การงานแสดงในแวดวงไปแล้ว ยังเต็มอกเต็มใจที่จะกลับมาเป็น โอ๋ ในหนังหัวข้อนี้อีกที ร่วมด้วย “จิระวดี อิสรางฉันรในอยุธยา” ที่ยังกลับมาเป็นสาวซ่าส์ นักจัดรายการวิทยุอ๋อ แล้วก็สมทบด้วย “ชรัส เฟื่องอารมณ์”, “แน็ค ชาลี”, “พิม พิมประภา” รวมทั้ง “จิ๊บ ปกฉัตร”

ซีรี่ย์ไทย

แน่ๆว่า วัยสับสนฮ่า! ได้เซอร์วิสแฟนคลับรุ่นริเริ่มเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการใส่ท้องทำนองได้รับความนิยมอมตะหลายๆเพลงที่เลื่องลือมาจนถึงทุกวันนี้เนื่องจากมีจุดดำเนินจากหนังหัวข้อนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพลง “ยับ”, “คุณสุดที่รัก (ยกวับ ยกวับ)” หรือ “ห้องน้ำอยู่คราวใด” ที่เอามาปรับเปลี่ยนคำขอใหม่แบบแกงเวอร์ชั่นต้นฉบับที่ก็ยังฟังชินหูแล้วก็เนื่องจากว่าไปอีกในลัษณะหนึ่ง

แต่ว่าหนังหัวข้อนี้ก็ยังคงไม่ประสบความสำเร็จในด้านการนำเสนอในหลายๆมุม แม้ว่าจะมีความมานะบากบั่นพรีเซ็นท์ออกมาในต้นแบบหนังรักที่มีกลิ่นของความเป็นหนังครอบครัว แต่ว่าภาพโดยรวมนั้น วัยสับสนฮ่า! ยังคงออกจะสะเปะสะปะสำหรับเพื่อการจับหัวข้อต่างๆมายัดใส่เอาไว้กันจนกระทั่งเหลวเทอะไปหมด แปลงเป็นหนังที่เกือบจะไม่มีหลักแกนใดๆก็ตามอยู่เลยค้างแรกเตอร์ของผู้แสดงก็ไม่ค่อยมีมิติออกมาให้มองเห็น ตั้ม-โอ๋ ก็ยังคงเป็นพวกเขาคนเดิม คนรักหวานใจปานกลืนรับประทาน ชายเป็นเสาหลักครอบครัว

กับหญิงที่เป็นแม่บ้านจอมหึง รวมทั้งยังไม่ไว้วางใจ-สงสัยผัวนอกใจอยู่ตลอดๆเป็นลักษณะท่าทางของตนเองแบบคลาสสิกที่ยังปรากฏให้มองเห็นอยู่ในหนังประเด็นนี้ แต่ว่าโชคร้ายที่ค้างแรกเตอร์พวกนี้กลับทำให้หนังมองโบราณและก็เชยไปสักนิดสักหน่อย ในเมื่อยุคยุคและก็เทคโนโลยีต่างๆได้ปรับปรุงไปไกลจากเดิมแล้วในตอนที่ค้างแรกเตอร์คู่รอง โต๋-อั้ม ที่ผลิตขึ้นมาเพียงแต่เป็นคู่พ้องจองของแฟนต้นฉบับ ก็แปลงเป็นเคมีแฟนแบบจืดชืดๆแห้งๆไม่มีมิติใดอย่างสิ้นเชิง หน้าที่ต่างๆมองง่ายราวละครรุ่งเช้าวันเสาร์

เดินเรื่องตามไดอะล็อกแบบราบเรียบรวมทั้งเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จ พลอยทำให้การแสดงของ แน็ค ชาลี กับ พิม พิมประภา ก็มองจืดจางตามไปด้วยนอกจากนั้น วัยชุลมุนฮ่า! ยังแอบมีกลิ่นคล้ายกับสไตล์หนังลักษณะเดียวกันกับที่ผู้กำกับ “พชร์ อานนท์” ยอมจับมาใส่ โน่นเป็นการนำเอาเหตุการณ์ข่าวสารที่เคยเกิดขึ้นในสังคมมาดัดใส่เอาไว้เป็นใจความสำคัญเนียนๆหากว่าบางจุดก็ค่อนข้างจะมองสะเปะสะปะแล้วก็มั่วนิ่มไปสักนิด อยู่ๆผู้แสดงจะร้องมิวสิคัลกลางศาล หรือ กำเนิดกรณีศึกแย่งสลากกินแบ่งรางวัลที่ 1 กัน

ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างโดนจับใส่เข้ามาแบบเจื่อนๆแม้กระนั้นท่ามกลางหัว ซีรี่ย์ไทย ข้อยิบย่อยที่หนังใส่เข้ามานั้น ก็มีส่วนดีอยู่บ้างแบบเดียวกัน เพราะเหตุว่าลักษณะเด่นเปลี่ยนเป็นว่า หนังสามารถให้นักแสดงอย่าง ตั้ม ที่เป็นทนายผู้ที่มีความเชี่ยวชาญมากมายประสบการณ์ ถ่ายทอดแล้วก็ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประมวลกฎหมายได้อย่างมีความเป็นจริงและก็แทรกสอดวิชาความรู้ให้กับผู้ชมได้มีประโยชน์อย่างแนบเนียนดี

 

My boss is serial killer บอสฉันขยันเฉือน

บอสฉันขยันเฉือน หรือ My boss is serial killer เป็นหนังสืบสวนผสมคอมเมดี้ แบบอย่างเปิดเรื่องมาว่ามีบุคลากรของบริษัทหนึ่งที่สงสัยว่าบอสของเขาเป็นฆาตกรโรคจิตสุดโรคทางจิต แผนก่ารสืบสุดเสี่ยง ขุดค้นประวัติความเป็นมาของบอสสุดหล่อกับเรื่องผู้ตายในสมัยก่อนก็เลยเริ่มขึ้น บอสของพวกคุณจะเป็นคนร้ายจริงๆไหมเริ่มเรื่องมาด้วย โบกี้กับเมษา ผู้เรียนที่กำลังถ่ายทำคลิปกล่าวโทษจริงของสถานที่เรียน เป็นต้นว่า เพราะเหตุใดห้องดนตรีไทยถึงมีเสียงราวกับคนเดิน เมื่อโบกี้เข้าไปกล่าวโทษจริงในห้องนั้นแล้วได้ยินเสียงดังกล่าว คุณก็เลยไต่ขึ้นไปมองบนฝ้า ทำให้ทั้งคู่ไขคดีนี้ได้

ยาวนานหลายปีถัดมา ต้น ประธานบริษัทกำลังนั่งสัมมนากับพวกประธาน ซึ่งปั่น ผ่านการตลาดได้เสนอไอเดียโปรเจคหนึ่งขึ้นมา ดูหนังผ่านอินเตอร์เน็ต ต้นก็เลยบอกให้ไปพบคนวัยหนุ่มสาวไฟแรงอายุน้อยกว่า 30 ปี เข้ามาร่วมดำเนินการ เพื่อจะได้ติดต่อและก็เข้าถึงคนรุ่นหลังได้ง่ายโบกี้ เมษา รวมทั้งหลิน มายังห้องที่ใช้สำหรับการประชุม ซึ่งปั่นเล่าถึงโปรเจคที่บอสต้นให้มาทำ

เป็นการคิดแผนงานติดต่อกับคนรุ่นหลัง ทั้งยัง 3 ก็เลยถามคำถามว่า มีคนอายุต่ำลงมากยิ่งกว่า 30 ปี เพียงแค่เราหรอ ทันทีนั้น โจ๊ก บุคลากรชายหนุ่มก็เข้ามา ทั้งสิ้นก็เลยนั่งสัมมนากัน แม้กระนั้นการสัมมนาก็มิได้ไอเดียอะไร ก็เลยยกเลิกสัมมนาไปในเย็นวันนั้น โจ๊กได้ทำ USB หาย ก็เลยเดินมาถามเมษาที่กำลังวุ่นวายกับการเก็บของว่ามองเห็น USB ของเขาบ้างหรือเปล่าที่เป็นรูปสุนัข เมษากล่าวว่าไม่พบ แต่ว่าเมื่อโจ๊กเดินออกไป คุณเจอ USB รูปสุนัขตกอยู่ คุณก็เลยเดินเอาไปให้โจ๊ก โจ๊กก็เลยกล่าวขอบพระคุณเวลาที่เมษากำลังจะกลับไปอยู่ที่บ้าน

หลินเรียกคุณมาดูบางอย่าง หลินพูดว่า คุณเก็บ USB ได้ น่าจะเป็นของโจ๊ก หลินก็เลยเปิดให้มองคลิปด้านใน เป็นคลิปข่าวสารการเสียชีวิตของบุคลากรสำนักงานคนหนึ่ง ซึ่งพูดว่า เป็นฝีมือของบอสต้น โดยมีอัง เป็นผู้ที่กำลังสืบสาวหัวข้อนี้ เมื่อทั้งยัง 2 มองจบ บอสต้นเดินเข้ามาพอดิบพอดี รวมทั้งถามคำถามว่า กำลังมองอะไรกันเมษาก็เลยตอบไปว่า หาอะไรมองเรื่อยเปื่อย บอสต้นก็มิได้ว่าอะไร เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เมษาและก็หลินกำลังเดินไปที่รถยนต์ แม้กระนั้นอีกทั้ง 2 มองเห็นบอสต้นกำลังต่อว่าต่อขานโจ๊ก โจ๊กก็ตวาดสวนกลับ

ส่งผลให้เกิดการต่อว่ากันไปๆมาๆ หลินและก็เมษาก็เลยกลับเข้ามาในที่ทำงาน  ซีรี่ย์ไทย  แล้วหาทางอื่นกลับไปอยู่ที่บ้าน ในคืนนั้นเอง เมษาเปิดมองเพจของอัง ผู้ที่เขียนเรื่องของคนร้ายที่ตามล่าสาวออฟฟิศ ซึ่งคุณเริ่มเชื่อขึ้นมาแล้ว คืนนั้นเอง โบกี้ไปกินเลี้ยงกับทางบริษัท ซึ่งคุณออกมายืนเล่นเกมส์ตามล่าคนร้าย บอสต้นเดินเข้าแล้วก็ถามคำถามว่า คุณเล่นเกมส์นี้ด้วยหรอ โบกี้พูดว่า

คุณเล่นไม่ผ่านด่านซักหน บอสต้นก็เลยกล่าวว่า พวกเราจะต้องมีความรู้สึกว่าเป็นคนร้าย แล้วจะจัดแจงเหยื่อยังไง ทำให้โบกี้รู้สึกกลัวขึ้นมาMy boss is serial killer บอสฉันขยันเฉือน นับได้ว่าเป็นภาพยนตร์ไทยอีกประเด็นที่น่าดึงดูดตั้งแต่แบบอย่างออกมาแล้ว แล้วก็โครงเรื่องกล่าวถึงรายละเอียดของบุคลากรสถานที่ทำงานที่สงสัยว่าบอสของพวกเขาเป็นฆาตกรโรคจิตไหม

แถมหนังยังมีกองทัพดาราที่น่าดึงดูดเยอะแยะ แถมหนังยังพากเพียรที่จะใส่มุกล้นหลามให้มองเว่อวัง แม้กระนั้นก็เพื่อปูทางไปคลายเงื่อนในตอนสุดท้าย พูดง่ายๆเป็นมีความน่าดึงดูดใจทุกจุด เป็นหนังนี้จะออกแนวแบบหนัง สอบปากคำ ลึกลับซับซ้อนมาก นองเลือด ที่จำต้องบอกเลยว่าสนุกสนานแล้วก็พีคแน่ๆ และก็จะต้องบอกเลยว่าหนังมีหักมุมที่แบบจำเป็นต้องพูดว่าอะไรกันนะครับเนี่ยกันอย่างยิ่งจริงๆ ตอนสุดท้ายมีเซอร์ไพรส์นิดๆเป็นอย่างไรจำต้องไปดูคุ้นเคยละนะ แล้วก็อ่านรีวิวเรื่องอื่นๆพอดี

 

The One Hundred ๑๐๐ ร้อยขา

หนังตัวประหลาดยักษ์เรื่องใหม่ของบ้านพวกเราที่ว่าด้วยตำนานสัตว์ยักษ์อย่าง ดูหนังฟรี “กระบองพลำ” หรือ “ตะขายยักษ์” ที่มีความยาวถึง 18 เมตร ถูกถือมาสร้างเป็นหนังของสองผู้กำกับอย่าง ชาลิต ไกรเยี่ยมมงคล รวมทั้ง สง่า วงษ์จินดาแสดงนำโดย ไมค์-พิรัชต์ นิธิกว้างใหญ่ไพศาลกุล, นิ้ง-ชัญญา แมคคลอปรี่ย์, เบน-เบนจามิน โจเซฟ วานี, เดวิด อัศวนนท์, เบสท์-ชนิดาภา วงศ์วานศิลปพิพรรธน์, อันดา-กุลฑิรา ยอดช่าง, กวาง-ชนชั้นปิยะ ออมสินนพกุล และก็ ศิตา ชุว่ากล่าวภาวรกานต์

หนังอสูรกายไทย จากค่าย สร้างรหนังฟิล์มถ่ายรูป สมความอุตสาหะที่จะยกฐานะ CG ของภาพยนตร์ไทยไปอีกขั้น “ เมื่อที่กักบริเวณ เปลี่ยนเป็นที่ฟักตัว ของพวกมัน แล้วพวกเราจะหนีเอาชีวิตรอดจาก Hospitel นี้ ได้เช่นไรหนังหัวข้อนี้ ได้อ้างอิงจากเหตุการณ์ใกล้ตัวเรา อย่างตอนที่วัววิด 19 ระบาดหนัก ผู้ที่เดินทางมาจากต่างชาติ จะต้องเข้ากักบริเวณใน Hospitel มีคนกรุ๊ปหนึ่งมาจากต่างชาติ นำโดย ไมค์ พิรัชต์ รวมทั้ง คู่ซี้ลูกพี่ลูกน้อง Youtuber อย่าง นิ้ง ชัญญา แล้วก็ เบญจาไม่น ซึ่งกฏเหล็กก็คือ

อยู่ตรงนี้ห้ามออกไปไหน หรือเสวนากับคนไหนกัน  ซีรี่ย์ไทย  แม้กระนั้นพวกเขาจะทำอย่างไร เมื่อที่กักบริเวณ กลายเป็นที่ฟักตัว ของตัวประหลาดร้ายในตำนานอย่าง กระบองพลัมตระบองพลัม สิ่งมีชีวิตสุดสยดสยองในตำนาน รูปร่างเหมือนตะขาบ โบราณเช้าใจกันว่า มันมีอำนาจซึ่งสามารถสิงร่างคนได้ รวมทั้งชอบกัดรับประทานร่างของคนที่มันอาศัยจนถึงผู้นั้นตาย รวมทั้งไปสิงผู้อื่นต่อ เพื่อทำให้ตนเองมีร่างที่ใหญ่มากยิ่งกว่าเดิม และก็พวกเราจะทำเช่นไร ถ้าหากจำเป็นต้องติดอยู่ใน Hospitel กับ กระบองพลัม

ซึ่งการโคจรมาเจอกัน ของ 2 ผู้กำกับ เต้ย ชาลิต กับ สง่า ยืนยันความน่ากลัวสมจริงสมจัง เนื่องจากว่า เต้ย ชำนาญทางด้านสเปเชียลเอฟเฟกซ์ อย่างนาน ส่วน องอาจ ก็ถนัดด้านหนังสยองขวัญมาหลายเรื่อง ไม่แปลกที่ประเด็นนี้ จะบอกเสนออย่างชัดเจนในด้าน CG แล้วก็ สยองขวัญ อย่างสะใจThe One Hundred ๑๐๐ ร้อยขาเรื่องราวในสมัยที่วิกฤตโรคระบาด คนที่เดินทางเข้ามาจากต่างแดนจะต้องถูกกักบริเวณอยู่ในสถานที่กักกันโรคของเมืองตรงเวลา 14 วัน รวมทั้งนี่เป็นเรื่องราวลึกลับที่เกิดขึ้นข้างในสถานที่กักกัน

ซีรี่ย์ไทย

กับการพบเจอฝูงตัวประหลาดในตำนานตัวใหม่อย่างตะขาบยักษ์หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “กระบองพลำ” ตะขาบยักษ์ในตำนานไทยความยาวกว่า 18 เมตร เรื่องราวความสยดสยองก็เลยเริ่มขึ้นที่รีสอร์ทที่นี้ ทางออกทางเดียวเป็นไขปัญหาว่าผู้ใดเป็นผู้แฝง ห้ามออกมาจากห้อง ล็อกประตูหน้าต่างให้ดี พวกมันกำลังออกล่า!รวมทั้งนี่ก็คืออีกหนึ่งผลงานที่เป็นการประสานมือร่วมงานสร้างระหว่างบริษัทผลิตภาพยนตร์สมาชิกใหม่ สร้างรหนังฟิล์มถ่ายรูป กับ FatCat Studio ภายหลังที่พวกเขาเคยส่งเสริมกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดเป็น “Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์”

ร่วมกันมาแล้วเมื่อตอนกลางปี รวมทั้งเจอหน้ากับความไม่ประสบผลสำเร็จอย่างสิ้นเชิง โดยในประเด็นนี้ “ชาลิต ไกรยอดเยี่ยมมงคล” หนึ่งในผู้กำกับจากเรื่องก่อนได้กลับมาร่วมงานด้วย โดยที่มีผู้กำกับหนังฝีมือเยี่ยม “องอาจภาคภูมิ วงษ์จินดา” ที่กลับมาสู่แวดวงหนังอีกที ภายหลังที่วางมือทิ้งระยะหายไปมากมายปีการมาผนึกกำลังกันของทั้งยัง 2 ผู้กำกับคู่นี้ เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการมานั่งดำเนินงานเป็นสนองตอบสิ่งที่แต่ละคนถนัด

ชาลิต ไกรยอดเยี่ยมมงคล นับได้ว่าเป็นนักสร้างที่ถนัดแนวงานเคล็ดวิธีพิเศษ เขาที่สั่งสมประกอบกิจการจากการจัดการ FatCat มาอย่างช้านาน เขาก็นำส่วนประกอบที่ถนัดมาใส่ไว้ในหนังประเด็นนี้ ในช่วงเวลาที่ เพื่อนฝูง สง่า เป็นคนทำหนังที่มีชั่นเชิงกับการผลิตบรรยากาศให้กับหนังตื่นเต้นมาหลายๆเรื่อง เอาก็ใช้ความสามารถนี้มาใส่ไว้ภายในผลงานชิ้นนี้เพียงแต่ว่าเป็นอะไรที่โชคร้ายมากมาย ที่ผลสรุปในที่สุดของ ๑๐๐ ร้อยขา ที่ออกมานั้น กลับยังไม่สมบูรณ์แบบดีสักเท่าไหร่นัก

ปัญหาสำคัญๆของหนังก็ยังคงเป็นข้อด้อยเดิมๆของภาพยนตร์ไทยจำนวนมาก ซีรี่ย์ไทย  นั่นก็คือบทหนังนั่นเอง ถึงแม้หนังประเด็นนี้จะมีจุดสำคัญของเรื่องและก็ส่วนประกอบบทที่ค่อนข้างจะครบ แต่ว่าบทก็ยังออกจะขาดมิติในหลายๆส่วนที่จะสามารถช่วยซัพพอร์ตตัวหนังให้ไปได้รอด การจัดวางสตอปรี่ต่างๆยังค่อนข้างจะกระโดดไปๆมาๆ ไม่กลมกลื่นเท่าใด ซึ่งมันมีผลกระทบต่อจังหวะของหนังบางจุดเหมือนกัน

จัดเตรียมเจอกับความสยดสยองของมันส่วนประกอบทางด้าน Segment ของหนังก็ยังเต็มไปด้วยปัญหาเช่นกัน แต่ละจุดวางในหนังยังไม่เข้มข้มรวมทั้งอดทนพอเพียง โดยยิ่งไปกว่านั้นความแข็งกระด้างของนักแสดงเด่นๆในหนังที่ไม่มีเสน่ห์ไปแทบทุกด้วย มีการปูพรมผู้แสดงแบบทีเล่นทีจริง รวมทั้งทำเป็นไม่สุดสักนักแสดง เป็นเยี่ยมในส่วนที่ไม่สามารถที่จะซื้อใจผู้ชมไปได้

เนื่องจากว่าแต่ละนักแสดงนั้นมิได้สร้างความสัมพันธ์รวมทั้งติดต่อสื่อสารอะไรก็ตามถึงผู้ชมได้เลย นอกเหนือจากการที่จะเป็นตัวละครดาดๆตัวหนึ่งซึ่งมีแต่ความนึกคิดแล้วก็การกระทำตามใจฉันเองแม้กระนั้นขั้นต่ำๆก็ยังจำต้องขอบคุณมากกลุ่มแคสติ้งของ ๑๐๐ ร้อยขา ที่ถือว่าแต่ละคนเป็นมือโปรและก็ทุ่มเทกับหน้าที่ที่พวกเขาได้รับอย่างเต็มเปี่ยม

ถึงจะให้การแสดงที่ดีขนาดไหน เมื่อมาอยู่ในหนังที่ยังมีจุดอ่อนเยอะไปหมด ก็ผนึกกำลังช่วยเหลือกันแอคติ้งของพวกเขาก็เกือบจะมิได้ต่อยอดรวมทั้งเพิ่มราคาให้กับหนังได้สักเท่าไหร่ ตอนท้ายก็เปลี่ยนเป็นเพียงแต่การแสดงตามบทที่มิได้ออกมาจากกรอบ ถึงแม้พวกเขาจะพากเพียรมากมายและตามทางเทคนิคพิเศษงานสร้างของ ๑๐๐ ร้อยขา ก็เป็นอีกประเด็นที่สัมผัสได้แจ่มชัดถึงความอุตสาหะอย่างมาก และก็นับว่าผลที่ออกมานั้นก็มิได้ห่วย งานวางแบบสร้างเนื้อสร้างตัวอสูรกายในประเด็นนี้จัดว่าใช้ได้ทีเดียว

มีการวางแบบและก็เก็บเนื้อหาได้ค่อนข้างจะดี ซีรี่ย์ไทย  ถึงแม้น้องจะโผล่ออกมาเพียงแค่ครั้งละนิดทีละเล็กทีละน้อย มองเห็นโฉมเต็มๆตาเพียงแค่ไม่กี่วินาที ซึ่งบางทีอาจจะเป็นการเซฟงบประมาณไปในตัวด้วยมัง แม้กระนั้นก็จัดว่าตัวประหลาดในหัวข้อนี้ทำออกมาได้น่าเคารพอยู่เวลาที่สเกลงานสร้างและก็งานวางแบบภาพรวมทั้งฉากต่างๆของ ๑๐๐ ร้อยขา นับว่าทำออกมาได้ตามมาตรฐาน มิได้มองเห็นความแปลกใหม่อะไรมากแค่ไหนนั้น ก็แอบเสียดายในจุดที่ตรงนี้อยู่อย่างเดียวกัน

เนื่องจากว่าแปลงเป็นว่ารูปทรงพื้นที่ของหนังออกจะแคบมากมาย วนเวียนอยู่เพียงแค่ข้างในรีสอร์ทเก่าๆที่เดียว เป็นการเล่นแบบเพลย์เซฟไปนิดหน่อย รวมทั้งยังให้มุมมองสำหรับการสร้างจักรวาลตัวประหลาดที่ออกจะอับและก็วงแคบไปสักนิดสักหน่อยบอกเลยว่าตัวหนังดียิ่งกว่าที่คิดไว้มากเลย ตัวหนังให้อารมณ์ราวกับพวกเราได้มองผีชีวะเลย ซึ่งสามารถทำให้ผู้ชมได้ลุ้นตามกันแบบสุดๆแถมจำ

เป็นต้องลุ้นเอาใจช่วยให้รอดจากเจ้าตะขาบยักษ์อีกด้วย เอาจริงเอาจังๆตัวหนังก็มองเพลิดเพลินอยู่ครับผม แต่ว่าอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีขัดข้องบ้างตรงการปูเรื่องแล้วก็บทเนี้ยละ ที่ระยะแรกของหนังบอกเลยว่า ยำเหลวมากมาย แถมไม่ค่อย Make Sense อีกด้วย แต่ว่าเพียงพอถึงตอนกึ่งกลางเรื่องถึงด้านหลังเรื่องตัวหนังถึงเริ่มกลับมาดียิ่งขึ้นแม้กระนั้นก็มิได้ดีขนาดนั้นขอรับ แต่ว่าก็มิได้ห่วย

 

Thai Cave Rescue ถ้ำหลวง: ภารกิจที่ความคาดหมาย

เรื่องเล่าจากในถ้ำ เป็นการเผยแพร่เรื่องราวที่ทั่วทั้งโลกเคยสนใจสถานะการณ์ที่สมาชิกกลุ่มบอลเยาวชน 13 คนทางภาคเหนือของเมืองไทยติดอยู่ในถ้ำที่น้ำหลากเมื่อกลางปี 2018 ข้างหลังติดอยู่ในถ้ำนานถึง 17 วัน ทุกคนก็ได้รับการวางยาสลบและก็นำตัวออกมาได้ท้ายที่สุดในภารกิจช่วยเหลือระดับนานาชาติครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งมีนักดำน้ำมาร่วมด้วยมากกว่า 90 คน แล้วก็สารคดีหัวข้อนี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวจากมุมมองของเด็กๆรวมทั้งผู้ฝึกสอนที่เคยติดอยู่ในนั้นมั่นใจว่าหลายท่านบางครั้งอาจจะรู้สึกเบื่อกับการเผยแพร่เรื่องราวสถานะการณ์ที่เคยเป็นการปรากฏการรวมหัวใจครั้งสำคัญของ

โลกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเคยเกิดขึ้นในปี 2561ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดจังหวัดเชียงราย เนื่องจากพวกเราได้มองเห็นอีกทั้งหนังแล้วก็ซีรีส์จำนวนมากถูกสร้างออกมามากไม่น้อยเลยทีเดียวเยอะไปหมด แล้วก็นี่ก็คือหนังเรื่องปัจจุบันที่เอามาออกเสิร์ฟ “13 หมูป่า: เรื่องเล่าจากในถ้ำ” หนังสารคดีที่มีคุณลักษณะเด่นและก็ต่างจากเรื่องอื่นๆเพราะเหตุว่านี่เป็นเรื่องราวจากมุมมองแล้วก็สายตาของผู้เผชิญเหตุในถ้ำนั้นจริงๆที่ยังไม่เคยมีที่แหน่งใดเผยมาก่อน

อีกหนึ่งผลงานแรงผลักดันจากเรื่องจริงระดับนานาชาติที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่าง 13 ชีวิตกลุ่มหมูป่าที่ถ้ำหลวง ซีรี่ย์ไทย  และก็หากว่าตามส่วนประกอบการผลิตนี่บางทีอาจเป็นโปรเจกต์ที่น่ามุ่งมาดมากมาย ไม่ได้แตกต่างจากชื่อภาษาไทยของซีรีส์ที่ว่า ‘ภารกิจที่ความคาดหมาย’ อะไรเลยไม่ว่าจะได้ผลสำเร็จงานจากเน็ตฟลิกซ์ที่ทุ่มทุนไปสู้ล่าลิขสิทธิ์เรื่องราวถ้ำหลวงผ่านทางรัฐบาลไทย เป็นได้เรื่องราวฝั่งคนภายในพื้นที่แบบเต็มกำลังเพียงแต่เจ้าเดียว ซึ่งแต่ว่าเริ่มมันก็เป็นดาบสองคมที่กลุ่มสร้างรับมาถือไว้

ซีรี่ย์ไทย

มองดูในด้านหนึ่งมันจะน่าดึงดูดแล้วก็บริบูรณ์มากมายถ้าดราม่าฝั่งเด็กและก็ครอบครัวปฏิบัติงานดี แล้วก็เรื่องราวของพวกเขาน่าดึงดูดพอเพียงจะหามหนังให้คนอิน โดยไม่ต้องไปแข่งขันกับเรื่องภารกิจการช่วยชีวิตมากเท่าไรนักโดยผู้กำกับดังอย่าง จอน เอ็ม. ยก (Jon M. Chu) จาก ‘Crazy Rich Asians’ (2018) มารับบทโปรเดิวเซอร์ รวมทั้งปรับปรุงบทซีรีส์ด้วยคู่ขาคนเขียนมากมายความสามารถเป็น ไมเคิล รัสเซล กันน์ (Michael Russell Gunn) รวมทั้ง ดานา เลอดูกซ์ ไม่ลเลอร์ (Dana Ledoux Miller) ที่เคยส่งผลงานนิพนธ์บทซีรีส์สุดยอดทั้งยังใน ‘The Newsroom’ แล้วก็ ‘Designated Survivor’ มาแล้ว

รวมทั้งเพื่อเติมเต็มความแข็งแกร่งจากมุมมองแบบชาวไทยที่มีความสากลด้วย ก็เลยไปดึงผู้กำกับไทยที่ผลงานกำลังอยู่ในตอนที่ขึ้นหม้อสุดอย่าง บาส-นัฐวุฒิ พูนคนกล้า จาก ‘ฉลาดหลักแหลมเกมส์คดโกง’ และก็ ‘One For The Road วันสุดท้าย..ก่อนบายคุณ’ มาผลัดมือกันดูแล กับผู้กำกับระดับอินเตอร์สายโลหิตไทย เควิน ตันก้าวหน้า จาก ‘Agents of S.H.I.E.L.D.’ โดยได้ผู้แสดงชั้นหนึ่งฝั่งไทยอย่าง ญาญ่า – อุรัสยา เสปอร์บันด์ รวมทั้งผู้แสดงฝ่ายชายผู้ตายที่เคยส่งผลงานเด่นในอินเตอร์เน็ตฟลิกซ์อย่าง บีม-ปภัละโมบร

กาลเฉลิมถ้อยคำ มาร่วมนำแสดงด้วยการเปิดเผยเรื่องราวที่ทั่วทั้งโลกเคยมีความสนใจสถานะการณ์ที่สมาชิกกลุ่มบอลเยาวชน 13 คนทางภาคเหนือของเมืองไทยติดอยู่ในถ้ำที่น้ำหลากเมื่อกลางปี 2018 ข้างหลังติดอยู่ในถ้ำนานถึง 17 วัน ทุกคนก็ได้รับการวางยาสลบรวมทั้งนำตัวออกมาได้สุดท้ายในภารกิจช่วยเหลือสุดยอดครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งมีนักดำน้ำมาร่วมด้วยมากกว่า 90 คน และก็สารคดีหัวข้อนี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวจากมุมมองของเด็กๆแล้วก็ผู้ฝึกสอนที่เคยติดอยู่ในนั้น

จากเรื่องราวจริงสุดมีชื่อเสียงหนังสารคดีประเด็นนี้เป็น winbet618   ฝีมือของนักสร้างภาพยนตร์สารคดีสาวคนไทย “ไพลิน วีเดล” ที่เคยแจ้งกำเนิดแล้วก็บรรลุความสำเร็จจากผลงานแจ้งกำเนิด อย่าง Hope Frozen เมื่อไม่กี่ปีกลาย แน่ๆว่าหนังหัวข้อนี้เป็นการเล่าที่ทุกคนคงจะรู้ไทม์ไลน์กันดีอยู่แล้วว่า อะไรเกิดขึ้นบ้างรวมทั้งอะไรจะเกิดขึ้นเป็นลำดับถัดไป ทั้งยังจุดหมายของหนังจะออกมาคืออะไร เป็นการเล่าวนบ่อยๆเรื่องเดิมที่สุ่มมีความเสี่ยงต่อการเป็นหนังที่ซ้ำซากจำเจThe Trapped 13 ก็มีสิ่งที่เป็นไฮไลต์ไม่เหมือนกับหนังเรื่องอื่นๆก็คือนี่เป็นครั้งแรกที่ได้พาสมาชิกกลุ่มบอลหมูป่า

อค้างเดมี่ ที่เคยเผชิญเหตุในตอนนั้น มานั่งเสวนาแล้วก็เล่าถึงเหตุที่เกิดขึ้นในถ้ำหลวงจากมุมมองและ ซีรี่ย์ไทย ก็ประสบการณ์ตรงของพวกเขาเอง ซึ่งเป็นมุมมองที่มั่นใจว่ายังไม่เคยมีหนังเรื่องใดเคยเผยแพร่มุมนี้มาก่อนและก็โน่นก็ถือได้ว่าอีกหนึ่งลักษณะเด่นที่น่าดึงดูดที่สุดของหนังสารคดีหัวข้อนี้ เพราะว่าสิ่งที่พวกเขาที่เคยเจอเหตุมาพร้อมกับตนเอง ได้นั่งแล้วก็เล่าเกี่ยวกับรายละเอียดที่จำต้องเจอหน้ามาจากปากพวกเขาเอง ทั้งยังหนังยังเลือกพรีเซนเทชั่นที่เกือบจะไม่สัมผัสหลักสำคัญเชิงระบบแล้วก็การบ้านการเมืองต่างๆเลย แม้กระนั้นย้ำเสนอมุมมองเชิงรากต้นหญ้า เน้นย้ำแนวความคิดของเด็กที่เจอเหตุและก็ความรู้สึกจากบิดามารดาผู้ดูแลเป็นหลัก